ถือเป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาล สร้างความหนักอก หนักใจให้แก่คุณแม่ทั้งมือใหม่ และมือไม่ใหม่ทุกคน มีใครบ้างที่ไม่ห่วง และไม่รักลูก จริงมั้ยค่ะ แค่ลำพังไปส่งลูกที่โรงเรียนก็ใจหาย เป็นห่วง จะแย่อยู่แล้ว ยิ่งลูกร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียนให้เห็นอีก คุณแม่ คุณพ่อ ก็ยิ่งปวดใจ ใจหายไปกันใหญ่
วิธีการแก้ปัญหา หรืออย่างน้อย บรรเทาปัญห นี้ ประการแรก คงต้องปรับที่ใจของคุณพ่อ คุณแม่ก่อนค่ะ ปรับให้เนิ่นๆ ก่อนเลยก็ได้ คือเราต้องปรับใจให้เข้มแข็ง และเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไร เราก็เอาลูกไว้กับเราตลอดไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้น ยิ่งจะเป็นการทำร้ายลูกในระยะยาวมากขึ้นไปอีก ยังไงลูกก็ต้องไปโรงเรียนค่ะ คุณพ่อ คุณแม่บางท่านทนเห็นลูกร้องไห้ไม่ไหว พาลูกกลับบ้าน ผลัดไปเทอมนึง หรือคิดไปว่า ถ้าโตกว่านี้หน่อยจะรู้เรื่อง แต่ปรากฎว่า พอไปใหม่ก็ร้องไห้อยู่ดี เพราะฉะนั้น คงต้องใจแข็งนะคะ ถ้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้ลูกไปโรงเรียนก็ต้องทำให้สำเร็จค่ะ
การที่ลูกร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน คงบอกไม่ได้ว่า ใครจะร้องมาก น้อย หรือเลี้ยงอย่างไรจะร้องมาก ร้องน้อย แต่สิ่งที่เป็นจริงก็คือ แทบไม่มีใครไม่ร้อง และก็ไม่มีใครที่ร้องไปตลอดไม่ยอมเลิกนะคะ ส่วนมาก เกือบทั้งหมด จะร้องเมื่อระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรับตัวได้ ก็จะเลิกไปเองค่ะ
หลังจาก ปรับใจของเราได้แล้ว ก็ถึงเวลาเผชิญความจริง เวลาลูกไม่ยอมไปโรงเรียนแล้วค่ะ เริ่มตั้งแต่การเลือกโรงเรียนก็ต้องมั่นใจว่า โรงเรียนนี้จะดูแล เอาใจใส่เราได้ ระยะแรก ไม่ควรเลือกโรงเรียนที่วิชาการมากเกินไป สถานที่ดูผ่อนคลาย มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กเป็นอย่างดี
ต่อมา คุณพ่อ คุณแม่ถ้ามีเวลา หรือเป็นไปได้ก็ควรจะอยู่กับลูกที่โรงเรียนมากสักหน่อยในระยะแรกๆ และก่อนกลับทุกครั้งต้องสัญญากับลูกว่า จะมารับที่โรงเรียนแน่นอน เพราะสาเหตุหนึ่งที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนนั้น ก็เพราะว่ากลัว คุณพ่อ คุณแม่จะไม่มารับนั่นเองค่ะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ทิ้งระยะลงจนเหลือแค่ไปส่งเฉยๆ หรือให้รถโรงเรียนมารับจากบ้านก็ได้
เมื่อกลับถึงบ้านก็อย่าลืมถามลูกด้วยว่า ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร พยายามพูดถึงสิ่งดีๆ ให้ลูกอยากไป อย่างเช่น เพื่อน หรือคุณครูที่น่ารักๆ ม้าหมุน หรือสระว่ายน้ำ ที่ ที่บ้านไม่มีแต่โรงเรียนมี ทำนองนี้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกอยากไปโรงเรียนในวันต่อๆไปค่ะ
ท้ายที่สุด และสำคัญที่สุด สำหรับการจัดการกับปัญหาลูกไม่ยอมไปโรงเรียน คงต้องย้ำอีกทีว่าให้คุณพ่อ คุณแม่ใจแข็ง ไม่ยอมง่ายๆ แล้วพอลูกปรับตัวได้แล้ว ทุกอย่างจะดีเอง และทุกคนก็จะดำเนินชีวิตไปตามหน้าที่ได้ต่อไปอย่างปกติค่ะ โชคดีนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ทุกคน